| |
นิราศร่างห่างพธูสู่อิสาน |
| ที่สิบเอ็ดเมษมาสวิลาศวาร |
ปลอดสูญกาลตำราอุบากอง |
| ศกเก้าเจ็ดเสร็จงานด้านสอนศิษย์ |
โรงเรียนปิดภาคปลายค่อยคลายหมอง |
| เพื่อเรียนรู้ภูมิศาสตร์สมมาดปอง |
จึงออกท่องเที่ยวดูรู้คดี |
| การเรียนจำตำราตาไม่เห็น |
ไม่ทราบเด่นทุกส่วนไม่ถ้วนถี่ |
| ยังเลือนลางฟางเฟือนเหมือนไม่มี |
อะไรที่เห็นได้จำไม่เลือน |
| สิบปากว่าหาเท่าเราเห็นไม่ |
สิบเห็นไซร้ไม่เท่ามือเคล้าเหมือน |
| ถ้อยโบราณท่านพร่ำเป็นคำเตือน |
ไม่คลาดเคลื่อนถูกแท้แน่ทีเดียว |
| โอ้แสนห่วงดวงใจอาลัยรัก |
เรียมซบพักตร์แนบนวลใจป่วนเสียว |
| ค่อยอยู่ดีพี่ไปใช่คลายเกลียว |
รักยังเหนียวแน่นสนิทชิดสุดา |
| อย่าสะอื้นชื่นใจพี่ไม่ลับ |
จะรีบกลับคืนหลังยังเคหา |
| แม้นเสร็จกิจคิดไว้ได้เวลา |
จะกลับมาครองรักด้วยภักดี |
| เรียมใจเดียวเกี่ยวนุชสุดสวาท |
ไม่กาจหน่ายรักแกล้งผลักหนี |
| กายพี่ไปใจอยู่คู่นารี |
ทุกนาทีแนบชิดสนิทใน |
| ลงเคหาอาลัยดวงใจหวิว |
เสียวสยิวทรวงหวำทำไฉน |
| น้ำเนตหลั่งถั่งหยดระทดใจ |
หักอาลัยฤๅวายเป็นชายชาญ |
| จะฝากน้องตรองค้นหาคนฝาก |
ก็แสนยากเชื่อได้ภพไพศาล |
| แต่ตรึกตรองมองไปในจักรวาฬ |
ไม่พบพานที่พึ่งอันพึงใจ |
| ฝากยุพินปิ่นปักลักษณี |
หรือเทพีอุมาหม่อมจอมไศล> |
| ศิวะเห็นเพ็ญโฉมโลมฤๅทัย |
จะชิงชัยช่วงเจ้าเอาไปครอง |
| ฝากราชินทร์ถิ่นฟ้ามหาราช |
เกรงพระบาทธิบดีไม่มีสอง |
| เห็นโฉมนาฏผาดนักจักลำพอง |
เผ่นผยองรอบโลมโฉมสุดา |
| เรียมคิดจบภพทิพย์สิบหกสวรรค์ |
หมายฝากขวัญหทัยได้สุดหา |
| ใต้บาดาลผ่านทะลุพสุธา |
เหนือแผ่นฟ้าทั่วสิ้นแถบถิ่นบน |
| หาที่รอดปลอดภัยให้น้องนิทร์ |
ทั่วทุกทิศระยะถ้วนสถล |
| มีแห่งเดียวเกี่ยวข้างกลางกมล |
ขอฝากตนน้องไว้กับใจนาง |
| ขึ้นรถไฟได้เวลาถลาเคลื่อน |
พอรถเคลื่อนเรียมซบตบอกผาง |
| หัวลำโพงโมงกว่ารถคลาคราง |
พี่มองปรางนุชห่างโอ้ปรางทอง |
| ถึงสามเสนเห็นหน้ากานดาอื่น |
เรียมสะอื้นอัดอกวิตกหมอง |
| คิดถึงเจ้าเศร้าใจพี่ไม่มอง |
เสียงกึกก้องล้อรถบดรางจร |
| ถึงบางซื่อซื่อสัตย์สมบัติเยี่ยม |
น้องจงเปี่ยมสัจจะดังพระสอน |
| ยึดศีลธรรมนำใจให้บวร |
อย่ายอกย้อนยักย้ายเป็นหลายมาน |
| ถึงบางเขนเห็นสถานการเกษตร |
รัฐจัดเจตน์หลักใหญ่ไทยสถาน |
| เป็นสินค้าค่าโตแต่โบราณ |
บริบาลไทยรอดตลอดมา |
| ถึงหลักสี่มีหลักตระหนักแน่น |
มีดินแดนทำเลสร้างเวหา |
| สิ่งจำเป็นเห็นชัดอยู่อัตรา |
สี่อย่างถ้าใครขาดอาจเกิดภัย |
| คืออาหารว่านยารักษาโรค |
เครื่องอุปโภคและเคหาที่อาศัย |
| คนเราต้องปองหาไม่ว่าใคร |
ขาดไม่ได้จำเป็นเช่นพาที |
| ถึงดอนเมืองเครื่องบินทั้งสิ้นจอด |
พี่ส่ายทอดตาดูหมู่ปักษี |
| นกเหล็กจอดทอดนอนผ่อนกายี |
ยังไม่รี่ลอยล่องท้องนภา |
| ตื่นเถิดนกผกเผ่นเล่นอากาศ |
ภานุมาศฉายแล้วแผ้วเวหา |
| วานรับนุชสุดใจช่วยให้มา |
แม้นชักช้าจักสายร้อนกายตรม |
| อิทธิพลตนไม่มีไร้ที่พึ่ง |
ร้องเอ็ดอึงใครตื่นต้องขื่นขม |
| มีเงินทองร้องได้ใครก็ชม |
มีไม้ถมปลูกบ้านตระหง่านงาม |
| ถึงรังสิตพิศดูหมู่เรือล่อง |
จอแจท้องธารไสวเสียงไต่ถาม |
| ต่างยิ้มแย้มแช่มช้อยลอยเรือตาม |
แม่ค้าหลามขายของพูดคล่องคำ |
| การอาชีพรีบทำแม้ลำบาก |
เพื่อท้องปากแท้แท้แม่งามขำ |
| ถึงเหนื่อยยากบากบั่นขยันทำ |
แดดฝนกรำต่อสู้ไม่วู่วาม |
| เชียงรากน้อยถอยใจอาลัยรัก |
รากปักหลักฐานดีไม่ผลีผลาม |
| รากง่อนแง่นแคลนคลอนห่อนได้ความ |
เขาจักหยามน้ำหน้าว่าหลักลอย |
| ยิ่งรากรักปักแล้วต้องแน่วแน่ |
ถ้าปรวนแปรระย่อคิดท้อถอย |
| ไม่มั่นคงบ่งคำแต่สำออย |
ก็เหมือนหอยจับไม้ไม่จีรัง |
| ถึงเชียงรากมากมายขายตาลเฉาะ |
พูดไพเราะแม่ค้าท่าขมัง |
| ทำเป็นพวงห่วงห้อยอร่อยจัง |
พี่ลองสั่งซื้อมาสี่ห้าพวง |
| คิดวันนุชสุดมานทำตาลเชื่อม |
รสไม่เสื่อมหวานซึ้งน้องจึงหวง |
| พี่พรากมาครายากลำบากทรวง |
ต้องนั่งง่วงเหงาไปไม่ได้ทาน |
| คลองพุทรามาไกลใจหวิวหวั่น |
พี่ต้องผันหน้าผินคืนถิ่นฐาน |
| พุทราต้นผลดกนกต้องการ |
บินจับก้านเกาะกิ่งชิงกันกิน |
| ยามรวยเทียบเปรียบไม้ผลใหญ่ดก |
เพื่อนฝูงยกย่องช่วยเมือรวยสิน |
| ครั้นสิ้นทรัพย์ลับร้างห่างกายิน |
ทั่วแผ่นดินเพื่อนนี้มีอนันต์ |
| อันเพื่อนตายหมายดีฝากชีวิต |
ปิยะมิตรแนะทางข้างสวรรค์ |
| หายากนักจักได้หนึ่งในพัน |
คนทุกวันนี้แลเห็นแต่เงิน |
| บางปะอินผินหน้ามองหาน้อง |
ไม่พบพ้องพี่เหม่อให้เก้อเขิน |
| เห็นวังตั้งฝั่งคลองมองเจริญ |
พี่ใคร่เกริ่นกู่เพรียกเรียกเจ้ามา |
| ชมวังสวยด้วยกันชมนั่นนี่ |
เรียมจักชี้ให้ดูทุกคูหา |
| เล่าประวัติชัดคำดังตำรา |
ให้น้องยาทราบเบื้องตามเรื่องราว |
| ถึงบ้านโพโผล่มองช่องหน้าต่าง |
อกอ้างว้างลมพัดจัดจนหนาว |
| คิดโพธิ์องค์พงศ์พุทธ์พิสูจน์คราว |
ประทับสาวสืบธรรมสำเร็จญาณ |
| ตรัสรู้เพ็ญเป็นพระพุทธเจ้า |
พ้นโง่เขลาเศร้าโศกโลกสงสาร |
| พ้นกิเลศเศษชั่วเจ้าตัวมาร |
พระนิพพานรับรมย์สมพระทัย |
| แต่ปวงเราเผ่าชนพลประเทศ |
กองกิเลศเกาะหนาอยู่อาศัย |
| ต้องช่วงชิงยิงฟันกันบรรลัย |
แย่งกันใหญ่โตกันประจัญบาน |
| ใครพรรคดีมีอำนาจวาสนา |
ก็วางท่าบึ่งเบ่งเพ่งประหาร |
| ใครขัดขวางล้างล้มลงซมซาน |
ด้วยสันดานสัตว์ไพรยังไม่เบา |
| โอ้มนุษย์สุดทรามลืมความม้วย |
ใจโหดด้วบหยาบหยามเพราะความเขลา |
| ลืมคำพระสะกรรมทำมัวเมา |
ไม่บรรเทาสร้างบาปหาบเวรกรรม |
| น้องของพี่ศรีวัยได้สดับ |
จงน้อมรับศีลชุบอุปถัมภ์ |
| มีเมตตาปราณีมีศีลธรรม |
ขึ้นชื่อคำชั่วจงละส่งไป |
| อยุธยาธานีบุรีเก่า |
ความหลังเร้าจิตหมองมิผ่องใส |
| ฟังเรื่องหลังครั้งเก่าเข้าคราไร |
ปวดร้าวใจหนักหนาน้ำตานอง |
| วังกษัตริย์วัดวาพม่าเผา |
เก็บกอบเอาทรัพย์สินสิ้นทั้งผอง |
| สารพัดสัตว์แสนแก้วแหวนทอง |
ชาวไทยต้องถูกเกณฑ์เป็นเชลย |
| คราวเสียเมืองเรื่องมีครั้งที่สอง |
ถึงบ้านช่องพี่จะเล่าเฉลย |
| โอกาศมีดีงามก่อนทรามเชย |
พี่จะเผยเรื่องนี้ให้ศรีฟัง |
| ถึงบ้านม้าครานี้มีเรื่องเล่า |
ว่ามีเจ้าหนุ่มหนึ่งซึ่งโอหัง |
| มาจากกรุงกับเกลอพูดเพ้อดัง |
ว่าศัพท์ทั้งหมดไซร้แปลได้ดี |
| บนรถไฟใครมาพูดจาเรื่อย |
ไม่รู้เมื่อยคุยมั่นขมันขมี |
| ความตั้งใจใครลงตรงภาชี |
รถถึงที่บ้านม้าคว้าหีบลง |
| ต้องเดินครวญหวลให้เหงื่อไหลหยด |
ท้อระทดเดินคิดผิดประสงค์ |
| ภาชีแน่แปลม้า อ้า บ่ตรง |
เราเซอะหลงโง่จริงยิ่งกว่าลา |
| กว่าจะถึงภาชีพี่แกแย่ |
เดินป้อแป้เหี่ยวแห้งปวดแข้งขา |
| สมน้ำหน้ากล้าสวดอวดปัญญา |
ขนิษฐาขันไหมอย่างไรนาง |
| มาบพระจันทร์ตันใจอาลัยหมอง |
จันทร์เพ็ญผ่องแพ้หน้าคราแม่หมาง |
| จันทร์มีดำตำหนิอยู่ที่กลาง |
แต่นวลปรางตำหนิมิติดเลย |
| เจ้าสวยสมคมสันสวรรค์เสก |
อดิเรกโฉมนุชสุดเฉลย |
| อัปสรพิศอิจฉามิกล้าเงย |
ด้มพักตร์เฉยเพราะพ่ายอายพงา |
| ถึงพระแก้วแน่วจิตคิดพระแก้ว |
ตั้งจิตแน่วอภิวาทน์พุทธ์ศาสนา |
| อันเป็นศรีดียิ่งมิ่งโลกา |
ขอเดชาพระกันภยันตราย |
| บ้านภาชีเป็นกลุ่มชุมทางแยก |
ถนนแจกแลเห็นเป็นสองสาย |
| สู่เฉียงเหนือเหลือไกลไปสบาย |
พี่สอดส่ายตามองดูช่องทาง |
| รถเข้าโค้งโคลงไปเร่งไฟเพิ่ม |
เร็วกว่าเดิมแลหลังดูดังหาง |
| ถึงหนองกวยป่วยจิตคิดระคาง |
พี่ไกลนางมองใครไม่ชื่นบาน |
| หญิงอื่นใดไม่เท่าเสาวลักษณ์ |
น้องมีศักดิ์โดยบุญคุณไพศาล |
| มีจรรยามารยาทประสาทการ |
สวยสะคราญใครพบสบอารมณ์ |
| ถึงหมองแซงแคลงใจให้เห็นหมอง |
พี่เพ่งมองอยู่ไหนหรือใครถม |
| หนองในอกหมกมุ่นวุ่นระทม |
แสนตรอมตรมช้ำชอกยอกดวงมาน |
| บ้านตลาดปราศน้องมองไม่พบ |
จิตตระหลบคืนหลังยังสถาน |
| ยามอยู่เหย้าเจ้าขอบริการ |
จ่ายอาหารตลาดสามารถปรุง |
| นุชเป็นแม่เรือนมีฝีมือเอก |
รู้ปรุงเสกอาหารการหาหุง |
| ทำอะไรได้หมดรสจรุง |
ชนทั่วกรุงยกย่องว่าน้องดี |
| บ้านป๊อกแป๊กแปลกแท้ชื่อแน่นัก |
พี่ห่างรักสุดคิดพิสมัย |
| โอ้ความรักปักแน่น ณ แดนใจ |
ยามอยู่ไกลแสนห่วงเจ้าดวงแด |
| ถึงปากเพรียวเหลียวแลชมแพบ้าน |
เห็นถิ่นฐานมากมองพี่ร้องแหม! |
| คิดว่าน้องมองเพ่งเรียมเล็งแล |
ไม่ใช่แม่พี่จึงกลับระงับใจ |
| มาปากเพรียวเฉลียวว่าถ้ามีปาก |
พร่ามพูดมากเขาว่าบ้าไฉน |
| บ้างก็ว่าวาจาดีเป็นศรีชัย |
ปากดีให้เป็นเอกเลขหนึ่งนำ |
| บ้างก็ว่าพลั้งปากหากเสียศีล |
ถ้าพลั้งตีนตกไม้ใหญ่ถลำ |
| ทุกภาษิตคิดรู้ดูน่าจำ |
ทุกถ้อยคำพูดต้องตริตรองการ |
| พี่ว่าพูดพล่อยนี้ไม่ดีแน่ |
ควรพูดแต่ความดีมีโวหาร |
| พูดคำล้วนควรคิดพิจพิจารณ์ |
พูดอ่อนหวานอย่าให้ผิดใจคน |
| บ้านหนองบัวบัวดีมีปรากฏ |
ใช้ประณตพุทธาหากุศล |
| ใช้เข้ายาปรับปรุงบำรุงตน |
นิรมลชอบใจพี่ให้บัว |
| ถึงแก่งคอยคอยเจ้าให้เปล่าเปลี่ยว |
ใจแสบเสียวทรวงทุกข์ขมุกขมัว |
| มนัสหม่นกมลไหม้ให้เมามัว |
แม่ทูลหัวคงคอยแล้งเหมือนแก่งคอย |
| ถึงทับกวางกวางมีอยู่ที่ทับ |
หรือกวางลับป่าไปเพราะใจถอย |
| เพราะกวางงามรามเจ้าเฝ้าตามรอย |
จึงเสียกลอยใจจ้าสีดาดวง |
| ทศพักตร์ลักไปไว้เมืองยักษ์ |
องค์รามลักษณ์ติดตามเพราะความหวง |
| แสนหมองมอมตรอมตรมระทมทรวง |
ครรไลยล่วงตามนางแทบวางวาย |
| ถ้าใครพายาหยีพี่ไปบ้าง |
จะตามล้างให้ยับดับสลาย |
| ไม่ไว้หน้าอินทร์พรหมยมอบาย |
จะทลายให้สิ้นไพรินพาล |
| ถึงหินลับลับเจ้าพี่เฝ้าคิด |
ลับมิ่งมิตรพธูสู่อิสาน |
| แสนระกำช้ำใจไม่เบืกบาน |
ทรมานกามกลกระวนกระวาย |
| ถึงหมวกเหล็กเหล็กมีอยู่ที่หมวก |
ใช้สะดวกกระสุนไชไม่สลาย |
| กระสุนลูกถูกเท่าไรไม่ระคาย |
แต่รักสายใจนั้นกั้นอย่างไร |
| ยิ่งป้องกันยิ่งหนียิ่งมีรัก |
อกจะหักเวรกรรมทำไฉน |
| เทพสร้างองค์นงเยาว์เป็นเจ้าใจ |
เรียมรักใคร่เจ้าแท้โธ่แม่คุณ |
| ถึงปางโศกยามร้างมาปางโศก |
แสนวิโยคโศกหนักร้างรักหนุน |
| อันโศกปางบางคราน้ำมาจุน |
โศกเรียมวุ่นว้าไล้ใครเจือจาน |
| ถึงปากช่องมองน้องมองที่ปาก |
ยิ่งพิษอยากสูบสวยด้วยสมาน |
| กลีบกุหลาบอาบพรายพ่ายสคราญ |
ริมโอษฐ์กานดาแดงแจ้งท้าทาย |
| ครั้งหนึ่งปากช่องนี้เคยมีชื่อ |
ก้องบันลือครางกบถกำหนดหมาย |
| ไม่อยากเล่าเก่าซ้ำพร่ำริปราย |
ให้ระคายเคืองหูแก่ผู้เคย |
| ปากช่องหากน้องข้าแม่มานี่ |
วานช่วยชี้ช่องทางอย่างเปิดเผย |
| ให้น้องข้าคราตรมชมสเบย |
อย่าละเลยช่วยข้าผูกอารมณ์ |
| ถึงจันทึกตรึกตราคราจันทร์ฉาย |
น้องพี่ผายสู่สวนชวนสุขสม |
| เราพร่ำพลอดออดจ้องมองจันทร์กลม |
แสนชื่นชมจันทราอุราปรีดิ์ |
| พี่ชมว่าหน้านาฏผาดกว่าแข |
จันทราแพ้เห็นชัดน่าบัดสี |
| กระต่ายเปื้อนเดือนสิตำหนิมี |
หน้าน้องนี้ไร้ทรุดจุดดำใด |
| แม่ดีใจได้สดับรับพรพี่ |
สรวลระรี่ยิ้มแย้มดูแจ่มใส |
| เห็นเจ้าปลื้มพี่ป้อนสุมอ่อนไท |
น้องรักใคร่พี่ขึ้นพี่ตึ้นมน |
| ราดบัวขาวคราวจากลำบากจิต |
บัวสถิตในหนองท้องชลหน |
| หลากชนิดพิศผ่องทั่วท้องชล |
บัวอุบลบงกชหมดราคี |
| อีกบัวผันสั่นตัวใกล้บัวเผื่อน |
กลางสระเกลื่อนบัวหลวงพ่วงฉวี |
| บัวประทุมพุ่มพวงโชติช่วงดี |
เป็นมาลีย่าสูงช่วยจูงใจ |
| แต่บัวแม่แน่นักเป็นหลักฐาน |
ดูตระการกลเกลื่อนกระเพื่อมไหว |
| เป็นบัวทิพย์ลิบค่าราคาไกล |
หาบัวในโลกนี้มิมีปูน |
| หนองน้ำขุ่นขุ่นธารกวนสานส้ม |
หรือใช้ต้มขุ่นข้นก็พ้นสูญ |
| กลับใสแจ๋วแหววช้ำน้ำแพร้วพูน |
แลจำรูญใช้ดื่มปลื้มปลอดภัย |
| แต่ใจคนข้นขุ่นคราวฉุนเฉียว |
ยิ่งยามเปลี่ยวปลอดรักแทบตักษัย |
| ทรวงขุ่นจริงยิ่งหมองเป็นหนองใน |
มิผ่องใสขุ่นจริงยิ่งขุ่นชล |
| ถึงสี่คิ้วคิ้วแม่แลโก่งค้อม |
ใช่คิ้วปลอมคิ้วเขียนเป็นคิ้วขน |
| ธรรมชาติคิ้วนุชสุดชวนยล |
ในเมืองคนคิ้วใครเท่าคิ้วเจ้างาม |
| โคกสะอาดอนาถนักเพราะรักโคก |
เงื้อมชะโงกโคกใหญ่ไร้ตอหนาม |
| แลโล่งลิ่วทิวหญ้าป่าติดตาม |
เรียมแลข้ามโคกกว้างอ้างว้างมน |
| ถึงสูงเนินเพลินแลแต่เนินใหญ่ |
ช่างวิลัยแลเป็นจึงเห็นหน |
| เพราะคิดน้องลองปลื้มไม่ลืมตน |
กลับหมองหม่นหนักจิตเมื่อคิดครวญ |
| ถึงกุฎจิกจิกมีอยู่ที่ไหน |
หรือจืกไม้โค่นล้มยามลมผวน |
| เรียมคิดใคร่ไปพาแม่หน้านวล |
มาเสสรวลชมกุฎให้ลุดใจ |
| ถึงโคกกรวดปวดใจใช่กลัวกรวด |
แต่ว่าปวดกามกิจสุดคิดไข |
| โคกมากนักหักแดแม้เท่าไร |
ก็ไม่ไหวเพราะโคกให้โศกทรวง |
| ภูเขาลาดพลาดลงคงตกเขา |
กำลังเมารักแท้มีแต่หวง |
| หักเท่าไรไม่เคลื่อนเหมือนถูกลวง |
ให้เหงาง่วงห่วงนุชสุดเปลี่ยวมาน |
| ถึงโคราชมาดพบสบโคใหญ่ |
ของราไชพรหมินทร์ปิ่นสถาน |
| โคอยู่ไหนไม่เห็นเพ่งเป็นนาน |
เราต้องการใช้ให้ไปรับนาง |
| แต่เรียกโคโอ้ว่าเป็นบ้าหลัง |
เช่นคนคลั่งไคล้ไข้ไม่ซาสร่าง |
| ถ้าใครเห็นเอ็นดูหาลู่ทาง |
สงสารบ้างคนไข้ใจด้วยกัน |
| ถึงจิระจะเที่ยงอยู่เพียงไหน |
มั่นคงไว้จิระเสถียรฉัน |
| ให้ประจักษ์รักรื่นกว่าหมื่นพรรษ์ |
รักคู่มั่นเหมือนศรีมัทรีอร |
| เวสสันดรจรเนาในเขาโขด |
หลายร้อยโยชน์ยากยิ่งล้วนศิงขร |
| นางตามผัวทั่งพงฝ่าดงดอน |
ถึงม้วยมรณ์ยอมตายหมายซื่อตรง |
| แม่หน้านวลควรยึดประพฤติอย่าง |
เป็นการสร้างสัจจะสมประสงค์ |
| ยึดเยี่ยงอย่างทางดีเป็นศรีวงษ์ |
แม่โฉมยงจงทำจำใส่ใจ |
| ถึงพะไลยใจคอชักท้อถอย |
อาลัยน้อยหรือจิตคิดหวั่นไหว |
| ใคร่คืนหลังยังเจ้าเศร้าหทัย |
โอ้เวรใดสร้างไว้จึงได้มา |
| ถึงพะเนาเนาใดไม่เหมือนบ้าน |
อยู่เย้าปานเมืองแมนแสนสุขา |
| อยากทำใดได้หมดรจนา |
เป็นมหาสถานวิมานทอง |
| ลงบันไดสามขั้นบั่นทอนสุข |
พบแต่ทุกข์รัดรึงตรึงจิตหมอง |
| โบราณผูกถูกมากใครอยากลอง |
ก็ต้องวิตกดังอกเรา |
| ถึงท่าช้างช้างทรงองค์อินทร์เจ้า |
หรือช้างเผ่าพงศ์ป่ามหาเขา |
| ไม่เห็นช้างสักเชือกเกลือกมัวเมา |
หลงคลุกเคล้านางช้างอยู่กลางเนิน |
| แม้นมีช้างย่างได้จักใช้ขี่ |
กลับธานีรับเจ้ามาเขาเขิน |
| ให้สุดาผาสุกสนุกเพลิน |
ชมชัดเดินแถวไพรให้สำราญ |
| จักรราชชาติพงศ์องค์กษัตริย์ |
โปรดดำรัสสั่งข้าบรรดาทหาร |
| ให้พิทักษ์รักเจ้าเยาวมาลย์ |
ปราศภัยพาลบีฑาทุกคราคราว |
| แค่ไม่เห็นเจ้ามีที่นี่แน่ |
ดูเห็นแต่ชุมนุมพวงหนุ่มสาว |
| น้องไม่มีพี่หม่นจนราว |
จะทบท่าวอกแยกแตกกระเด็น |
| ถึงหินดาษอาสน์หินอยู่ถิ่นไหน |
เรียมคิดใคร่พาน้องท่องมาเห็น |
| ให้นุชนั่งชมลมพัดเย็น |
ร้องเพลงเล่นบนอาสน์วิลาศรมย์ |
| น้องคงเปรมเต็มใจอยู่ใกล้พี่ |
เรียมจะชี้ชวนน้องพ้องผสม |
| สุขสำราญบานใจในสิ่งชม |
หายตรอมตรมพร่ำพรอดอวยออดเอม |
| ห้วยแถลงแจ้งชัดเอื้อนอัดเอ่ย |
ให้น้องเผยพจนะสุขเกษม |
| สิ่งใดดีชี้แจงแจ้งคำเปรม |
ล้วนหงษ์เหมกล่าวคำให้ฉ่ำทรวง |
| นี่แหละเรียมเปี่ยมรักทักแถลง |
ให้แจ่มแจ้งถึงแดนที่แสนหวง |
| พร่ำพิไรใจรุ่มรักพุ่มพวง |
น้องคงหน่วงเหนี่ยวพี่ด้วยปรีดา |
| หนองกระทิงหญิงพบคงสบชอบ |
เพราะโดยรอบนทีที่หรรษา |
| อากาศดีมีไชยโปรยปรายมา |
ได้สุขารมย์ล้ำยิ่งสำราญ |
| เป็นชุมทางสร้างแยกแตกเป็นสอง |
เรียมหม่นหมองดูใครไม่สมาน |
| คิดถึงน้องหมองไหม้ใจเจียนลาญ |
รถไฟผ่านครรไลหัวใจลอย |
| ถึงหนองยางยางมีที่ไหนหนอ |
นกยางก่อบาปสิ้นกินปูหอย |
| ขนยางงามทรามจิตเฝ้าคิดคอย |
กระทำถ่อยทางบาปหยาบระยำ |
| เปรียบนารีมีโฉมใจโทรมชั่ว |
ประพฤติตัวเลวทรามไม่งามขำ |
| ใจโหดร้ายชายใดได้ประจำ |
ถือเป็นกรรมผู้มาเป็นสามี |
| ท่านจึงหยามงามจิตประชิดโฉม |
เพราะไม่โทรมเสื่อมลงคงฉวี |
| แต่รูปนั้นครั้นชราแก่กายี |
ก็ถึงที่เปลี่ยนแปรไม่แน่นอน |
| ทะเม่นชัยชัยมีทวีเลิศ |
อำนาจเกิดเช่นว่าอุทาหรณ์ |
| ถ้ามีชัยใครเขาเล่าขจร |
ลือกระฉ่อนแผ่นภพจบแดนดิน |
| เข่นมีชัยสมเจตน์เป็นเศรษฐี |
ก็คงมีคนรู้กู้ทรัพย์สิน |
| แม้นมีชัยได้พธูผู้โสภิน |
ชาวบุรินทร์จักซร้องยกย่องยล |
| พี่มีชัยได้น้องไว้ครองคู่ |
โลกคงรู้ร้องเพราะว่าเหมาะหนอ |
| เรียมรูปทรามได้ร่วมรักพักตร์ละออ |
น้องรูปหล่อใครพิศอิจฉาชม |
| บุรีรัมย์ธรรมชาติประสาทจัด |
เป็นจังหวัดภูมิดีที่เหมาะสม |
| พอรถทอดจอดที่อกพี่ครม |
จะเริงรมย์อย่างไรน้องไม่มา |
| เห็นหญิงอื่นดื่นไปในสถาน |
แต่นงคราญของพี่สุดที่หา |
| แต่แลเล่งเพ่งเจ้าให้เปล่าตา |
เห็นแต่นารีอื่นมิชื่นใจ |
| บ้านตะโกโกมีอยู่กี่ต้น |
พี่เพ่งค้นโกหาร่มอาศัย |
| ปางก่อนเคยมานั่งบังโกไพร |
สุขกระไรรื่นรมชมผลโก |
| พี่เคยสอยโกทองให้น้องเล่น |
น้องว่าเด่นน่ารักงามอักโข |
| ผลเกลี้ยงกลมสมใจไม่ใหญ่โต |
น้องว่าโธ่สวยนักน่ารักจริง |
| สมนารีศรีหญิงรักสิ่งสวย |
นิสัยช่วยให้นุชสมสุดหญิง |
| รู้จักแพ้และชนะรู้ประวิง |
น้องเป็นมิ่งสตรีศรีทวยไทย |
| ถึงห้วยราชมาดว่ามหาราช |
มาประพาสถึงนี่แล้วที่ไหน |
| พี่จะเข้าเฝ้าองค์พระทรงไชย |
มอบกายไว้เป็นข้าฝ่าธุลี |
| เมื่อทรงโปรดปราณีพี่จะขอ |
สุวรรณวอไปแห่แม่โฉมศรี |
| ให้น้องมาถ้าห้วยด้วยถูมี |
น้องกับพี่จักสง่าเป็นข้าไท |
| บ้านหนองดำดำนามไม่งามเหมาะ |
หรือเหมือนเงาะรูปทองผุดผ่องใส |
| เห็นแต่นอกพอกทองอยู่ช่องใน |
คงเป็นได้ดั่งนี้ตัวพี่ตรอง |
| บ้านกระสังสั่งบ้านวานให้ช่วย |
พบคนสวยรูปดีไม่มีสอง |
| ผีเจ้าบ้านวานรับประคับประคอง |
นำพาน้องของข้าให้มาพลัน |
| จะบวงสรวงเหล้าไหไก่อีกสี่ |
ให้ขุนผีกินเปรมเกษมสัต์ |
| ทั้งบนบานศาลกล่าวท้าวเทวัญ |
ให้คุ้มขวัญใจพี่พ้นที่ชัง |
| ถึงลำชีชีลำแม่น้ำไหล |
น้ำเย็นใสลำชีมีน้ำขัง |
| ถ้าแม้มาจักชี้ตอนมีวัง |
ให้ร้อยชั่งชมลำแม่น้ำชี |
| ถึงสุรินทร์ถิ่นแสดงแหล่งจังหวัด |
สารพัดมีมากหลายหลากศรี |
| แดนอิสาณมากมายหลายอย่างดี |
หนึ่งขอชี้ให้ดูเช่นผู้แทน |
| สองนักมวยชกดีฝีมือเอก |
ทั้งสรรเสกจากฟ้ามีค่าแสน |
| เรียมเที่ยวมากภาคแสณหลายย่านแดน |
บนผืนแผ่นดินสูงจรูงใจ |
| รำพันพจน์บทกลอนสุนทรศิลป์ |
เสนาะสิ้นทุกภพสบสมัย |
| ด้วยความรักบทกลอนอักษรไทย |
ฝากน้องไว้อ่านฟังแก้กังวล |
| เชิญน้องอ่านสาส์นพี่ยอดที่รัก |
พี่มิภักดิ์ต่อพังงาอย่าฉงน |
| กลอนพี่ฟังวังเวงเพลงทิพย์ปน |
ทุกยุบลจงพิศพินิจตรอง |
| นิราศนวลครวญมากภาคอิสาณ |
สมควรกาลนานมาอุราหมอง |
| ขอจบลงคงความตามทำนอง |
แม้นบกพร่องคำใดอภัยเอย |